วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2558

พัฒนาการด้านสังคม

พัฒนาการด้านสังคม
     (1)  ลักษณะของสังคมไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
               สังคมไทยในสมัยนี้ยังคงเป็นไปตามแบบแผนของสมัยอยุธยา  ซึ่งอาจแบ่งเป็น 2 ระดับ  คือ                -  ระดับชนชั้นปกครอง  ได้แก่  พระมหากษัตริย์  เชื้อพระวงศ์  ขุนนาง  และข้าราชการระดับต่าง ๆ                
               -  ระดับชนชั้นที่ถูกปกครอง  ได้แก่  ไพร่  และทาส    
              สภาพสังคมสมัยนี้ยังเป็นไปตามศักดินาอยู่  โดยที่พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจสูงสุด  ตามความเชื่อว่ากษัตริย์ทรงเป็นสมมติเทพตามแนวคิดของศาสนาพราหมณ์  มีการซื้อขายทาส  แต่มีนายเป็นจำนวนมากที่เลี้ยงดูทาสเหมือนญาติ  ส่วนประชาชนทั่วไปมีการโยกย้ายถิ่นที่อยู่ไม่ค่อยแน่นอน  เพราะเป็นสภาพหลังศึกสงคราม  อีกทั้งมีคนต่างด้าวส่วนใหญ่เป็นชาวจีนเข้ามาพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก      
              รัชกาลที่ ทรงแก้ปัญหาความสับสนของบ้านเมืองดังกล่าวให้อยู่ในความสงบ  เป็นระเบียบเรียบร้อย  โดยการนำกฎหมายในสมัยอยุธยามารวบรวมสอบใหม่ให้ถูกต้อง  เรียกชื่อใหม่ว่า  กฎหมายตราสามดวง  ซึ่งประทับตราด้วยราชสีห์  คชสีห์  และบัวแก้ว  ใช้เป็นหลักในการปกครองมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 4
               ในสมัยรัชกาลที่ อังกฤษได้ส่งทูตมาเจรจาทำสัญญากับไทย  คือ  เซอร์ จอห์น เบาว์ริง  เมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398  เรียกว่า  สนธิสัญญาเบาว์ริง  ซึ่งทำให้ฝ่ายไทยต้องเสียเปรียบฝ่ายอังกฤษอยู่หลายประการ  จึงมีผลให้ไทยต้องปรับตัวเปลี่ยนแปลงขนบธรรมเนียมประเพณี  ชีวิตความเป็นอยู่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าว
               สมัยรัชกาลที่ ทรงปฏิรูปสังคมให้ทันสมัยตามแบบตะวันตก  สืบทอดนโยบาบการปรับปรุงและปฏิรูปตามสมัยรัชกาลที่ ที่ได้ทรงวางรากบานไว้ในสมัยรัชกาลที่ ที่ได้ทรงวางรากฐานไว้ในสมัยรัชกาลที่ มีการปฏิรูปหลายด้าน  ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด  ดังนี้
               1)  การเลิกทาสและการเลิกระบบไพร่  โดยทรงจัดการอย่างค่อยเป็นค่อยไป
               2)  การเปลี่ยนแปลงขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม  ให้เป็นที่ยอมรับของสังคมตะวันตก  เช่น  การให้ปฏิทินตามแบบยุโรป (ใช้วันจันทร์ - อาทิตย์  แทนวันข้างขึ้น  ข้างแรม  ใช้เดือนมกราคม - ธันวาคม  แทนเดือนอ้าย - เดือนสิบสอง)  การแต่งกายตามวัฒนธรรมตะวันตก  และยกเลิกการคลานเวลาเข้าเฝ้า  เป็นต้น
               3)  ปฏิรูปการศึกษา  การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาประเทศ  รัชกาลที่ ทรงตระหนักในความข้อนี้  จึงทรงมุ่งพัฒนาการศึกษาของไทย  สรุปได้ดังนี้
                    (1)  ตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นในวัง  พ.ศ. 2414
                    (2)  ตั้งโรงเรียนนายทหารมหาดเล็กที่พระตำหนักสวนกุหลาบ
                    (3)  ตั้งโรงเรียนสำหรับราษฏรขึ้นครั้งแรกที่วัดมหรรพาราม พ.ศ. 2427
                    (4)  ขยายการศึกษาออกสู่หัวเมืองอย่างจริงจังใน พ.ศ. 2441  โดยใช้วัดเป็นสถานศึกษา  และมีพระสงฆ์เป็นครูผู้สอน
                    การปฏิรูปการศึกษานี้สืบเนื่องมาถึงรัชกาลที่ เช่น  มีการประกาศพระราชบัญญัติประถมศึกษาปี พ.ศ. 2464  ซึ่งเป็นการบังคับให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษา



   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น